1. Home
  2. กิน
  3. &
  4. ดื่ม
  5. เที่ยวกลางคืน ร้านกินดื่มเน้นค็อกเทลท็อปฮิตในเมืองกรุง คัดมาเน้น ๆ เพื่อสายชิลโดยเฉพาะ

เที่ยวกลางคืน ร้านกินดื่มเน้นค็อกเทลท็อปฮิตในเมืองกรุง คัดมาเน้น ๆ เพื่อสายชิลโดยเฉพาะ

เที่ยวกลางคืน ร้านกินดื่มเน้นค็อกเทลท็อปฮิตในเมืองกรุง คัดมาเน้น ๆ เพื่อสายชิลโดยเฉพาะ
0
0

รวมร้านนั่งชิลสำหรับคอค็อกเทลรสชาติดี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เอาใจผู้ไม่ถนัดเหล้าเบียร์ พร้อมบรรยากาศแสนสบาย ชวนผ่อนคลายได้ยาว ๆ
อย่างที่หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า ปัจจุบันร้านกินดื่มในกรุงเทพฯ นั้นมีให้เลือกเยอะแยะมากมาย หลากหลายแนวให้เลือกนั่งตามความชอบของแต่ละคน ทว่าในบางวันที่หนุ่ม ๆ ไม่อยากดื่มอะไรหนัก ๆ เพียงแค่อยากจิบค็อกเทล นั่งเหล่สาวแบบเบา ๆ แต่ไม่รู้จะไปนั่งร้านไหนละก็ ถ้างั้นลองมาดูร้านที่เราคัดมาฝากกันก่อนเลยดีกว่าว่า มีร้านไหนเด็ดโดนใจจนต้องตามไปเช็กอินกันบ้าง

1. Junker and Bar

ร้าน “Junker and Bar” ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งนั่งชิลที่หลายคนนิยมมารวมตัวกันที่นี่ เพราะนอกจากจะมีเครื่องดื่มให้เลือกเยอะแล้ว ในส่วนเมนูค็อกเทลของทางร้านก็ทำตามสูตรของตัวเอง ขณะที่ภายในร้านเน้นตกแต่งแบบเรียบง่าย จัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้นั่งสบาย ๆ โดยสามารถเลือกนั่งได้ทั้งโต๊ะและหน้าบาร์ ส่วนเมนูอาหารเน้นเสิร์ฟเมนูง่าย ๆ อย่าง เบอร์เกอร์, ชีสทอด, เฟรนช์ฟรายส์ เข้ากับเครื่องดื่มซิกเนเจอร์หลักของทางร้านได้อย่างลงตัวสุด ๆ

เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 14.00-00.00 น.

2. Teens of Thailand

ร้าน Teens of Thailand เป็นจินบาร์ (Gin Bar) แห่งแรกในประเทศ สถานที่แฮงก์เอาท์เล็ก ๆ ที่บอกเลยว่าร้านดูเจ๋งมาก ๆ ด้วยการตกแต่งตัวร้านในสไตล์วินเทจด้วยภาพเก่า ๆ ที่ผนังร้าน ดูเหมาะเจาะลงตัวกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเก๋ ให้บรรยากาศเป็นกันเอง เหมาะแก่การแวะมานั่งชิลไปพร้อมกับลิ้มรสเมนูค็อกเทลหลากหลายรสชาติเปลี่ยนเมนูไม่ซ้ำกันทุกวัน เสิร์ฟคู่เมนูอาหารเบา ๆ หลากชนิด เรียกได้ว่าใครที่มาเยือนย่านวงเวียน 22 ต้องไม่ลืมแวะมาที่ร้านแนว ๆ อย่าง “Teens of Thailand” แน่นอน

เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 16.30-00.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์-อังคาร)

3. เพลินวานพาณิชย์

เอาใจเพื่อน ๆ ที่ชื่นชอบเครื่องดื่มแบบค็อกเทลกันต่อที่ร้าน “เพลินวานพาณิชย์” ตอนสยามซู กับพื้นที่เล็ก ๆ ที่ศูนย์การค้าเดอะสตรีท ถนนรัชดา ภายในร้านตกแต่งเพดานด้วยสังกะสีเก่า ๆ พร้อมกับจัดวางข้าวของเครื่องใช้แบบเก่าแก่ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาในร้านสไตล์ย้อนยุค แถมยังจัดแบ่งโซนที่นั่งให้เลือกทั้งแบบโต๊ะและโซนเก้าอี้บาร์ โดยนอกจากจะเปิดเป็นร้านอาหารให้คนได้มาลิ้มลองความอร่อยกับเมนูอาหารหลากชนิดแล้ว ที่นี่ยังมีเมนูเครื่องดื่มค็อกเทลพร้อมบริการให้กับคนไม่ชอบเหล้า-เบียร์อีกเพียบ

เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-01.00 น.

4. Jham-Jun Phranakorn Rooftop Bar & Bistro

ร้านอาหารกึ่งบาร์ย่านถนนพระอาทิตย์ที่ยังคงการตกแต่งตัวร้านในแบบวินเทจผสมผสานกับแนวโมเดิร์นอย่างลงตัว ดูเข้ากับสถานที่ตั้งบริเวณชั้น 5 ซึ่งเป็นดาดฟ้าของ Fortville Guesthouse ท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบาย กินดื่มพร้อมชมวิวสวย ๆ ที่สามารถมองเห็นวิวของป้อมพระสุเมรุได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองกรุงมาเสพความสบายหรือแฮงก์เอาท์กับกลุ่มเพื่อน ส่วนเมนูอาหารของร้านก็มีให้ทั้งอาหารไทย-นานาชาติให้เลือกทานคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงค็อกเทลรสชาติที่จัดว่าเด็ดมาก !

เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 18.00-01.00 น.

5. Mango Tree On The River

ร้านอาหารสุดอลังการ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา “Mango Tree On The River” ซึ่งเป็นร้านอาหารไลฟ์สไตล์คอนเซ็ปต์แห่งแรก และยิ่งใหญ่ที่สุดของกลุ่มด้วยคอนเซ็ปต์ร้านและการออกแบบที่โดดเด่นเหมาะสมกับการเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่เน้นตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นแต่เรียบหรู ให้บรรยากาศสบาย ๆ แฝงกลิ่นอายแบบไทย ๆ ให้ผู้เข้ามารับประทานอาหารได้ดื่มด่ำ บรรยากาศอันงดงามพร้อมลิ้มลองอาหารไทยรสชาติเยี่ยมที่ไม่ใช่เป็นเพียงร้านอาหารไทยธรรมดา แต่เป็นร้านอาหารที่ให้ความใส่ใจในทุกรายละเอียดทั้งสถานที่ การออกแบบตกแต่ง เมนูอาหารและเครื่องดื่มการบริการ ที่เยี่ยมยอดแบบไทย ๆ ในบรรยากาศที่สนุกสนาน อบอุ่นและเป็นมิตรและเกิดเป็นประสบการณ์สุดประทับใจที่ผู้มาเยือน

นอกจากนี้ร้าน “Mango Tree On The River” ยังเป็นสถานที่แฮงก์เอาท์ริมน้ำแห่งใหม่ เหมาะสำหรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติไม่ว่าจะมาทานอาหารอร่อยในบรรยากาศอบอุ่นกับครอบครัว เลือกนั่งสบาย ๆ ในร้านหรือนั่งจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ท่ามกลางบรรยากาศ Outdoor กับกลุ่มเพื่อนในระหว่างชมพระอาทิตย์ตกดินได้เป็นอย่างดี ส่วนเมนูอาหารทางร้านก็เน้นความพิถีพิถันในการเลือกสรรวัตถุดิบที่สดใหม่ปรุงจากฝีมือเชฟผู้เชี่ยวชาญอย่างอร่อยเข้ากับเครื่องดื่มหลากหลายชนิดให้เลือกตามความต้องการอีกด้วย

เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน โซนร้านอาหารเปิด เวลา 11.00-23.00 น. และโซนบาร์เปิด เวลา 11.00-01.00 น.

6. UNCLE

ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่ไม่ควรพลาดเลยก็ว่าได้สำหรับร้าน UNCLE บาร์ค็อกเทลบรรยากาศดีที่เน้นการตกแต่งภายในร้านให้ได้กลิ่นอายแบบโมเดิร์นเข้ากันเป็นอย่างดีกับเฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจ เหมาะสำหรับกลุ่มเพื่อนที่ต้องการพื้นที่แฮงก์เอาท์ในยามค่ำคืนเป็นอย่างดี แบ่งโซนที่นั่งให้เลือกทั้งโต๊ะและหน้าบาร์ ที่สามารถชมบาร์เทนเดอร์ผู้เชี่ยวชาญของทางร้านโชว์ลีลาผสมเครื่องดื่มค็อกเทลได้ โดยเมนูเครื่องดื่มของทางร้านเน้นการผสมรสชาติที่สดชื่นด้วยผลไม้สดและสมุนไพรไทย นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นเครื่องดื่มเมนูพิเศษเพียง 195 บาทเท่านั้น (ทั้งสองสาขา) เรียกว่าคุ้มสุดคุ้ม

เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวันจันทร์-เสาร์ เวลา 18.00-24.00 น. (ปิดทุกวันอาทิตย์)

7. The Third Pig

จากนิทานลูกหมู 3 ตัว กลายเป็นแรงบันดาลใจของร้าน The Third Pig สถานที่ชิลเอาท์ยามค่ำคืนแห่งใหม่ของคนเทรนดี้ จากการผสมผสานไลฟ์สไตล์ และความตั้งใจของเพื่อนสนิทที่ส่วนใหญ่เกิดปีหมู ที่เปิดร้านเป็นเช็กพอยท์ใหม่ของคนฮิปรักปาร์ตี้ กิน ดื่ม เที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ ด้วยคอนเซ็ปต์แบบ twisted บรรยากาศภายในของร้านเน้นการถอดแบบมาจากบ้านของลูกหมูตัวที่ 3 ก่อด้วยอิฐฉาบปูนแบบดิบ ๆ พร้อมหยิบเอาเฟอร์นิเจอร์สุดเก๋ที่สะสมไว้มาจัดวางในแต่ละมุมเหมือน Art Installation ให้ได้ถ่ายรูปเล่นกันสนุกสนาน แบ่งเป็น 2 โซน ด้วยกำแพงอิฐเตี้ย ๆ กั้น private โซนสำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว หรือสามารถจัดงานปาร์ตี้เล็ก ๆ กับกลุ่มเพื่อนได้อย่างอบอุ่น รวมถึงโซนด้านนอกที่มองเห็นกันได้ไม่อึดอัด

ส่วนไฮไลท์ของ The Third Pig ยังอยู่ที่ Cocktail list กว่า 20 เมนู สูตรเฉพาะของร้านที่การันตีความพิเศษไม่ซ้ำใคร อาทิ Huff & Puff cocktail base บรั่นดีผสมชาดำ ใส่ wine jelly เพื่อเพิ่ม texture และ smoke ด้วย osmanthus เสิร์ฟพร้อมข้าวเกรียบว่าว, Blowing Twigs cocktail base Bourbon สำหรับคนชอบดื่มหนัก ๆ ใน style old-fashioned เสิร์ฟพร้อม cinnamon เผาไฟให้กลิ่นหอมและรสชาติที่นุ่มนวล และ Brick House Cobbler cocktail base vodka ผสมผสานระหว่างความเปรี้ยว และความหวานของ raspberry-blackberry-cranberry กับความหวานจาก chocolate เป็นต้น

tags: